top of page

บทบรรยายความเป็นมาในการก่อสร้าง

พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล

พระอาจารย์โสภา สมโณ แสดงธรรมที่พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล

       พระอาจารย์โสภา สมโณ ประธานสงฆ์

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว ตำบลวังน้ำเขียว

อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

เกิดวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๗ ภูมิลำเนาเดิม

ที่อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์  ท่านได้อุปสมบท

ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๗

ที่วัดบ้านฝ่ายมหานิกายในจังหวัดสุรินทร์

และได้เดินทางธุดงค์ จากจังหวัดสุรินทร์ มาอยู่ปฏิบัติธรรมที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

เป็นระยะเวลาประมาณ ๓ เดือน

จากนั้นได้เดินธุดงค์ต่อด้วยเท้าเปล่าไป

นมัสการพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง ๑ เดือน ๒๕ วัน

พระธาตุดอยสุเทพ

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่

            หลังจากนั้น ท่านได้มีโอกาสไปกราบ

รับฟังข้ออรรถข้อธรรมจากองค์หลวงปู่แหวน

สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

ด้วยบารมีธรรมขององค์หลวงปู่

ทำให้พระอาจารย์โสภาเกิดความศรัทธา

ในข้อวัตรปฏิปทาของพระป่าสายธรรมยุติ

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง

องค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

        พระอาจารย์โสภาได้ทำการญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต

ณ วัดป่าเจริญธรรม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และบวชได้ ๕ พรรษา

ภายหลังได้ทำการญัตติซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒

ณ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย โดยมี

พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) เป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต

องค์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ แห่งวัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

        องค์หลวงปู่เหรียญได้เขียนจดหมายฝาก

พระอาจารย์โสภา สมโณเพื่ออยู่ศึกษากรรมฐาน

กับองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี โดยพระอาจารย์โสภา

ได้อยู่ที่วัดป่าบ้านตาดเป็นระยะเวลา ๑๐ ปี

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด

องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

       พระอาจารย์โสภาได้ออกจากวัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ แล้วไปพำนัก

อยู่ที่วัดป่าบ้านทัพไทย ต.สนม อ.สนม จ.สุรินทร์

วัดป่าบ้านทัพไทย อ.สนม จ.สุรินทร์

        ภายหลังจากที่พระอาจารย์โสภา สมโณ

ได้นำพาชาวบ้านญาติโยมร่วมกันสร้างศาลาที่

วัดป่าบ้านทัพไทยจนสำเร็จ

       วันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๖

องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนก็ได้เดินทาง

มาเมตตารับผ้าป่าสงเคราะห์โลกทันที สร้างความ

ปิติยินดีแก่ชาวบ้านบ้านทัพไทยกันถ้วนหน้า

        องค์ท่านยังได้ให้ความเมตตามารับผ้าป่า

ช่วยชาติครั้งที่สองที่วัดป่าบ้านทัพไทย วันที่

๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๘ อีกทั้งได้พักค้างคืน

และรับบิณฑบาตในวันถัดมาด้วย

หลวงตามหาบัวมาวัดป่าบ้านทัพไทย

องค์หลวงตาเมตตาแสดงธรรมในคืนที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

          ปี พ.ศ.๒๕๔๙ พระอาจารย์โสภา มีอาการ

อาพาธจึงเดินทางมาจำพรรษาบนเขาสลัดได

อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพราะสถานที่แห่งนี้

นอกจากอากาศสัปปายะต่อธาตุขันธ์แล้วยังดีต่อ

การภาวนา แต่เนื่องจากสถานที่อยู่ในเขตอุทยาน

แห่งชาติ ทำให้ไม่สามารถอยู่พักเป็นการถาวรได้

ท่านจึงคิดหาสถานที่ที่ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนัก

อยู่แทน ประกอบกับเวลานั้น ท่านมีนิมิตฝันขึ้นว่า ตัวท่านแบกบาตรสะพายกลดไปถึงภูเขาสองลูก

เมื่อไปยืนหน้าภูเขาก็ปรากฏมีภาษาเขมรผุดขึ้นมา

ซึ่งแปลเป็นคำภาษาไทยว่า “กระเทือนเลื่อนลั่น”

โดยท่านเองก็ไม่ทราบว่านิมิตนี้หมายถึงกระเทือน

เลื่อนลั่นทางดีหรือทางไม่ดีอย่างไร

ศาลาวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ศาลาวัดแสงธรรมวังเขาเขียว ด้านหลังมีภูเขาใหญ่ ๒ ลูก

       เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ พระอาจารย์โสภา

ได้มาพบที่ดินบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบันมองเห็นภูเขาเขียว

เหมือนกับที่เคยนิมิตเห็นภูเขาสองลูกมาก่อน จึงทำอาศรม

สำหรับพักอาศัยชั่วคราว  ภายหลังสถานปฏิบัติธรรม

"บ้านไร่ปลายตะวัน"ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักสงฆ์ได้ปวารณา

เพื่อจะถวายไม้ให้เป็นสมณบริโภค แต่พระอาจารย์โสภา ท่านได้บอกปัดถึง ๓ ครั้ง

       วันหนึ่ง พระอาจารย์โสภาเกิดนิมิตฝันว่า องค์หลวงตา

มหาบัว ญาณสัมปันโน นั่งรถมาจอดในบริเวณที่พักสงฆ์

แห่งนี้ ท่านจึงให้พระอาจารย์อำนวย สุขวัฑฒโน พิจารณา

ดูว่า ไม้ที่สถานปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันต้องการ

จะถวายนั้น สามารถนำมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างใด

ได้บ้าง พระอาจารย์อำนวยพิจารณาแล้วเห็นว่าไม้นั้น

สามารถทำเสาได้ ๓๒ ต้น พระอาจารย์โสภาได้พิจารณา

ใคร่ครวญเกี่ยวกับนิมิตที่องค์หลวงตามหาบัวนั่งรถมา

จอดในบริเวณที่พักสงฆ์แห่งนี้ จึงให้นำไม้นั้นมาสร้างศาลา

โดยใช้เวลาสร้างแล้วเสร็จ ๔ เดือน

       วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒ นับเป็นวันที่สร้างศาลาเสร็จเพียง ๑๕ วัน และแล้วองค์หลวงตามหาบัว

ก็ได้เดินทางมาที่พักสงฆ์แห่งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกับ

ในนิมิต พระอาจารย์โสภาจึงทราบทันทีว่า “กระเทือน

เลื่อนลั่น” นั้นหมายความว่าอย่างไร

            องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ได้เมตตาเดินทางมาวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ตั้งแต่ครั้งแรกวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ถึงครั้งสุดท้ายวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓

รวมแล้ว ๒๖ ครั้ง

            ครั้งสุดท้าย องค์หลวงตาเดินทางมา

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว ได้แสดงธรรมเทศนา

โปรดฆราวาส โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า

 

      “วันนี้ได้มาพบกับพี่น้องทั้งหลายเต็มศาลา

วันนี้ เราก็พอใจกับพี่น้องทั้งหลาย แสดงเรื่องธรรม

มีธรรม จิตใจมีแต่ธรรมทั้งนั้นเต็มอยู่นี่ วันนี้เรามาสู่ธรรม มาเห็นครูบาอาจารย์ แล้วก็

เห็นธรรมด้วยกัน เราก็พอใจ พี่น้องทั้งหลาย

ก็คงจะพอใจ ไม่พอใจมาไม่ได้ มานี้แสดงว่า

พอใจมา เราก็พอใจเสียสละมาจากอุดร

วัดป่าบ้านตาดกี่ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที

เกือบ ๔ ชั่วโมง มานี้เราก็เสียสละมา เราก็สบายมา

แล้วมาพบพี่น้องทั้งหลายอีกก็สมใจกับเราเสียสละ

เพื่อพี่น้องทั้งหลายเหมือนกัน นี่เราก็จะกลับหละ

กลับวัดเราได้พบกันได้เห็นได้ยินได้ฟังเสียงอรรถ

เสียงธรรม วันนี้ก็ชื่นตาชื่นใจนะ ทีนี้กลับไปก็ด้วย

ความชุ่มเย็นในหัวใจเป็นบุญเป็นกุศลหละ ”

 

          ในการมาครั้งสุดท้ายนี้องค์หลวงตาได้

พูดบอกพระอาจารย์โสภาว่า “เฮาสิไปแล้วเด้อ

ต่อไปเฮาสิบ่ได้มาอีก” (เราจะไปแล้วนะ ต่อไป

เราจะไม่ได้มาอีก) หลังจากนั้นองค์ท่านได้อาพาธ

และเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๓๐

มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔

งานพระราชทานเพลิง หลวงตามหาบัว

         การที่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ด้ให้ความเมตตาคณะศิษย์และชาวบ้านทั้งที่อยู่

ใกล้ไกล นำมาซึ่งความปลาบปลื้มแก่ทุกดวงใจ

“ด้วยสำนึกในพระสังฆคุณอันหาที่สุดประมาณมิได้

ที่องค์ท่านเมตตาอบรมสั่งสอนคุณงามความดี

ทุกสิ่งทุกประการ สอนกรรมฐานทางสู่มรรค ผล นิพพานอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งสงเคราะห์โลกด้านต่างๆ

และทั้งช่วยชาติไทยให้พ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจ

ทำอย่างไรเราจึงจะตอบแทนพระคุณขององค์ท่าน

ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุด” คณะศิษย์มีโอกาส

ได้รับมอบอัฐิธาตุขององค์หลวงตาจากวัดป่าบ้านตาด

         วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔ พระอาจารย์

โสภา สมโณ คณะศิษยานุศิษย์ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมทั้ง

ชาวบ้านหมู่บ้านบุตะโกเมืองใหม่ ได้ประชุมหารือ

การจัดทำประชาคมร่วมกัน  ทุกคนยืนยันเจตนาที่จะสร้างอนุสรณ์สถาน คือพระมหาเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุขององค์หลวงตา และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยว

จิตใจเสมือนว่าองค์หลวงตายังอยู่คู่กับประชาชน

ชาวไทยตลอดไป และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่าน

ที่ได้มาสักการะและปฏิบัติบูชาที่พระมหาเจดีย์แห่งนี้

พิธีวางศิลาฤกษ์

วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๓๙ นาที

ภาพการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ช่วงต้น

พิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

และยกยอดฉัตรพระมหาเจดีย์

พระบรมสารีริกธาตุ ถูกบรรจุลงในผอบทองคำแท้

จากนั้นจึงบรรจุลงในผอบหินเย็นอีกชั้น ยกสู่ยอดฉัตร

วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๑ นาฬิกา

องค์หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร เมตตามาเป็นประธาน

ผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บนยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗

ยกดอกบัวใต้ฉัตรพระมหาเจดีย์

ติดตั้งเข็มขัดโดมพระมหาเจดีย์

วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘

ยกพระพุทธรูปประจำทิศทั้งสี่

วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ (วันวิสาขบูชา)

วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘

ปลูกต้นไม้รอบฐานกลีบบัวพระมหาเจดีย์

วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๙

เททองหล่อพระธรรมจักร

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒

อัญเชิญพระพุทธรูปประธาน

และรูปเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์

ขึ้นสู่พระมหาเจดีย์

พระพุทธรูปประธานหินขาว ประจำพรมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล
รูปหล่อหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ประจำอยู่พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล ชั้น 3
รูปหล่อหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ประจำอยู่พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล ชั้น 3
รูปหล่อหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ประจำอยู่พระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล ชั้น 3
bottom of page